0
0
0

ทองคำแท่ง กับ ทองรูปพรรณ แตกต่างกันอย่างไร?

ผู้เขียน :NGG Content ครีเอเตอร์

การเลือกซื้อ เครื่องประดับ เพชร แหวน แต่งงาน แหวน คู่รัก

ในสถานการณ์ วิกฤติเศรษฐกิจ “ ราคาทอง “ มักมีความผันผวน ขึ้นลง อย่างต่อเนื่อง จึงทำให้หลาย ๆ ท่านหันมาให้ความสนใจการลงทุนทองคำกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน แต่เชื่อได้ว่า คุณอาจยังคงสับสนว่า “ทองคำรูปพรรณ” และ “ทองคำแท่ง” คืออะไร มีความคล้ายคลึงกัน หรือแตกต่างกันอย่างไรบ้าง และ ทองคำรูปแบบใดเหมาะกับการ ลงทุนมากที่สุด สำหรับวันนี้ NGG Jewellery ขออาสาพาทุกท่านมาไขข้อสงสัย เพื่อหาคำตอบก่อนการลงทุนทองคำ แต่ละประเภทกันค่ะ ว่าแต่ ทองทั้งสองประเภทนี้แตกต่าง และเหมือนกันอย่างไรบ้าง ตามมาศึกษาไปพร้อม ๆ กันเลย

ทองคำแท่งคืออะไร?

การเลือกซื้อ เครื่องประดับ เพชร แหวน แต่งงาน แหวน คู่รัก

ทองคำแท่ง คือ ทองคำที่ผลิตออกมาโดยการหลอมเป็นแท่ง ด้วยบล็อคสี่เหลี่ยม มีตั้งแต่ชนิดน้ำหนักน้อยจนถึงมาก เริ่มต้นตั้งแต่ น้ำหนักไม่ถึง 1 บาท ไปจนถึงน้ำหนักหลายสิบบาท ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ทองคำแท่งไม่มีค่ากำเหน็จ แต่จะมีค่าบล็อค หรือค่า Premium แทน

โดยทั่วไปราคาจะอยู่ประมาณ 250 บาท/ทองคำแท่งหนัก 1 บาท ถ้าซื้อ 5 บาท ขึ้นไปจะไม่คิดราคาค่าบล็อค

ทองคำแท่ง แบ่งได้เป็น 2 แบบ

1.ทองคำแท่งแบบไม่มีค่าบล็อค
ทองคำแท่งแบบไม่มีค่าบล็อค คือ ทองคำแท่งที่มีน้ำหนัก ตั้งแต่ 5 บาท ขึ้นไป จนถึงน้ำหนักหลักกิโลกรัม ที่ไม่มีลวดลายประดับสวยงาม หากมีลวดลาย จะเป็นแค่โลโก้เล็ก ๆ ของทางร้านสลักประทับไว้ที่ทองคำแท่ง ทองคำ ประเภทนี้ จึงนิยมซื้อเพื่อทำการลงทุนโดยเฉพาะ

2.ทองคำแท่งแบบมีค่าบล็อค
ทองคำแท่งแบบมีค่าบล็อค คือ ทองคำแท่งที่มีน้ำหนัก น้อยกว่า 5 บาท ลงมา ยกตัวอย่าง เช่น ทองคำน้ำหนัก 4 บาท , 1 สลึง , 1 กรัม เป็นต้น หรือ แบบมีลวดลายต่าง ๆ เช่น ลายเทศกาลพิเศษต่าง ๆ เพื่อซื้อไปเป็นของขวัญสุดพิเศษ มอบให้คนสำคัญในโอกาสต่าง ๆ ทองคำแท่งประเภทนี้ จึงเหมาะกับการซื้อเพื่อนำไปเป็นของขวัญมากกว่า

ข้อดีของทองคำแท่ง
● เหมาะแก่การซื้อเพื่อทำการลงทุน
● เหมาะแก่การซื้อเพื่อเป็นของขวัญในโอกาสพิเศษต่าง ๆ
● ไม่มีค่ากำเหน็จของราคาทอง

ทองรูปพรรณ คืออะไร

การเลือกซื้อ เครื่องประดับ เพชร แหวน แต่งงาน แหวน คู่รัก

ทองรูปพรรณ คือ “ทองคำ” ที่นำมาขึ้นรูปเป็นรูปแบบลักษณะต่างๆ นิยมนำมาใช้เป็นเครื่องประดับ เพื่อทำการสวมใส่ เพื่อความสวยงาม อาทิเช่น สร้อยคอ, แหวน, กำไลข้อมือ และ สร้อยข้อมือ

ซึ่งทองรูปพรรณแต่ละแบบนั้นจะมีค่ากำเหน็จ หรือค่าแรง ของช่างทอง ที่ทำการออกแบบขึ้นรูปทองในแต่ละลวดลาย จากทองคำแท่งมาเป็นทองรูปพรรณนั่นเอง โดยค่ากำเหน็จจะขึ้นอยู่กับความยากง่ายของทองรูปพรรณแต่ละแบบ

หมายเหตุ : ค่ากำเหน็จ และ ค่าบล็อค มีขึ้นเพื่ออะไร ยกตัวอย่างเช่น กรณีหากคุณซื้อทองมาแล้ว และต้องการนำทองกลับไปขาย เราจะได้ราคาขายคืนต่ำกว่าราคาที่ซื้อ เนื่องจากไม่ได้รวมค่ากำเหน็จลงไปด้วย และรวมถึงยังถูกหักค่าน้ำหนักน้ำประสานทองที่เป็นส่วนหนึ่งในการเชื่อมรอยต่อของทองรูปพรรณ

ข้อดีของทองรูปพรรณ
● ราคาเริ่มต้นไม่สูง
● สามารถซื้อเก็บไว้เพื่อออมเริ่มต้นการลงทุนได้
● ใช้สวมใส่เป็นเครื่องประดับเพื่อความสวยงามได้

ดังนั้นทองรูปพรรณ จึงไม่เหมาะสำหรับการลงทุนสักเท่าไหร่ แต่เหมาะสำหรับนำมาสวมใส่เป็นเครื่องประดับ หรือ เพื่อสำหรับออมเงิน ซื้อมา-ขายไปเพื่อเพิ่มมูลค่าในช่วงราคาทองขึ้นอีกด้วย

สรุป
ทองทั้ง 2 ประเภท มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยทองรูปพรรณ จะเหมาะสำหรับ นำมาเป็นเครื่องประดับสวมใส่ เพื่อความสวยงาม แต่ทองคำแท่งนั้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อทองเพื่อไว้ทำการลงทุน เก็งกำไรต่อในอนาคต ซึ่งราคาของทองรูปพรรณ จะมีราคาแพงกว่า ราคาของทองคำแท่ง เนื่องจากต้องมีค่าขึ้นรูปของช่างทอง เพื่อความสวยงามที่แตกต่างกันออกไป ตามความยากง่าย ซึ่งราคาขาย ของทองคำแท่งจะดีกว่า จะไม่โดนหักค่าน้ำยาประสาน ค่ากำเหน็จ สาเหตุที่ทองคำแท่งมีราคาถูกกว่า ทองรูปพรรณ เนื่องจาก ไม่มีการเก็บค่ากำเหน็จ หรือค่าแรงในการทำทอง แต่จะมีค่าบล็อก หรือ ค่าพรีเมียม ซึ่งถูกกว่าค่ากำเหน็จของทองรูปพรรณนั่นเอง