0
0
0

ผู้เขียน : K. N. The Jewelrist

การเผาพลอย พลอยเผาเก่า คือพลอยเผา be คือเผาพลอย

การเผาพลอยคืออะไร? การเผาแต่ละแบบแตกต่างกันยังไงบ้าง

  • การเผาพลอย คือ หนึ่งในวิธีการปรับปรุงคุณภาพอัญมณี เพื่อช่วยให้พลอยดิบที่ได้มา มีสีสัน ความแวววาว และความสวยงามที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งช่วยสร้างมูลค่าได้เป็นอย่างดี ซึ่งการเผาพลอยแต่ละวิธีนั้นก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป
  • การเผาพลอย ประกอบไปด้วยหลายวิธีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น การเผาพลอยธรรมดา, การเผาพลอยเก่า, การเผาพลอยใหม่, การเผาพลอย Be และ การเผาพลอยซ่านสี ซึ่งบางวิธีก็ได้รับการยอมรับในวงการจิวเวลรี่ ในขณะที่บางวิธีไม่เป็นที่ยอมรับ

คนธรรมดาทั่วไปอาจจะยังไม่เคยรู้เลยว่าการเผาพลอยคืออะไร เหมารวมถึงคนที่เพิ่งเริ่มหันมาสนใจงานจิวเวลรี่ก็อาจจะยังไม่รู้เช่นเดียวกันว่าการเผาพลอยแต่ละแบบนั้นมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันยังไง แล้วทำไมถึงต้องเผาพลอยกันด้วย วันนี้ NGG Jewellery เลยจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับกระบวนการการเผาพลอยแต่ละแบบว่ามีอะไรบ้าง และแต่ละแบบมีวิธีการหรือคุณสมบัติที่ไม่เหมือนกันยังไงบ้าง

การเผาพลอย คืออะไร?

“ตัวช่วยเพิ่มมูลค่าให้พลอย”

ในความเป็นจริงแล้วมีเปอร์เซ็นต์น้อยมาก ๆ ที่คนจะเอา ‘พลอยดิบ’ มาทำเป็นเครื่องประดับ เพราะพลอยสวยที่เป็นพลอยดิบ พลอยสด หรือ พลอยที่ได้มากจากการขุดและยังไม่ผ่านกระบวนการใด ๆ มักจะเจอได้ยากมาก ๆ เนื่องจากพลอยดิบส่วนมากมักมีสีที่เข้มเกินไปหรืออ่อนเกินไป เลยทำให้มีกระบวนการที่เรียกว่า การปรับปรุงคุณภาพอัญมณี หรือ Gem Enhancement ขึ้นมา

ซึ่งการเผาพลอยก็เป็นหนึ่งในวิธีการปรับปรุงคุณภาพอัญมณี เพื่อให้พลอยดิบที่ได้มามีสีสัน ความแวววาว และความสวยงามที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งช่วยสร้างมูลค่าได้เป็นอย่างดีเวลาที่นำพลอยเม็ดนั้นไปทำเป็นเครื่องประดับแบบต่าง ๆ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการเผาพลอยจึงเป็นสิ่งที่สำคัญนั่นเอง

รูปแบบของการเผาพลอย มีอะไรบ้าง?

1. การเผาพลอยธรรมดา

เป็นการเผาพลอยแบบดั้งเดิม ด้วยการนำพลอยไปผ่านความร้อนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น โดยมีจุดประสงค์ในการปรับปรุงสีของพลอยให้สวยมากขึ้นหรือปรับให้พลอยมีความสะอาดและใสมากขึ้น อย่างการปรับพลอยทับทิมสีแดงอมม่วงให้กลายมาเป็นพลอยทับทิมสีแดงสด เป็นต้น ซึ่งวิธีการเผาพลอย

เกร็ดความรู้: การเผาพลอยธรรมดาจะให้ผลลัพธ์ที่คงสภาพแบบถาวรและไม่มีการเปลี่ยนแปลง แถมยังคงคุณสมบัติความแข็งเหมือนกับพลอยธรรมชาติไว้อีกด้วย

2. การเผาพลอยเก่า

หรือที่หลายคนเรียกว่าการเผาอ๊อกซ์ เป็นการปรับปรุงความใสและคุณภาพสีของพลอยด้วยความร้อนคล้าย ๆ กับการเผาพลอยแบบธรรมดา แต่พิเศษตรงที่นิยมเอามาใช้กับพลอยที่มีตำหนิเล็ก ๆ หรือรอยร้าวแบบตื้น ๆ บริเวณผิวของพลอย โดยช่างจะผสม น้ำประสาน หรือ ฟลักซ์ ลงไปเพื่อไม่ให้รอยร้าวขยายตัว แถมฟลักซ์ยังสามารถทำให้รอยร้าวนั้นเชื่อมติดกันได้อย่างถาวร

เกร็ดความรู้: พลอยที่ผ่านการเผาเก่าหรือเผาอ็อกซ์ จะมีสี ความใส และความแข็งแรงแบบพลอยธรรมชาติ และยังได้รับการยอมรับจากวงการจิวเวลรี่ทั่วโลกอีกด้วย


3. การเผาพลอยใหม่

เป็นวิธีการเผาพลอยที่ใช้เวลาน้อยและใช้อุณหภูมิไม่ค่อยสูง ซึ่งเป็นวิธีที่นิยมเอามาใช้กับพลอยที่มีรอยแตกร้าวลึกลงไปถึงเนื้อด้านในพลอย รวมถึงพลอยที่มีรูพรุนเยอะ ๆ โดยจะมีขั้นตอนดังนี้
  • ทำความสะอาดพลอย เพื่อเอาสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่อยู่ตามรอยแตกออก ด้วยการนำพลอยไปแช่ในน้ำกรด
  • ทำให้พลอยดูใสมากขึ้น ด้วยการเอาพลอยไปเผาเคลือบด้วยแก้วตะกั่ว ซึ่งสามารถช่วยอุดรอยแตกต่าง ๆ ได้อีกด้วย
  • หากต้องการเพิ่มสีสัน ก็สามารถเติมสีลงไปในแก้วตะกั่ว เพื่อทำให้พลอยดูมีสีสันมากขึ้น ซึ่งการเผาพลอยใหม่หรือเผาเคลือบแก้วแบบนี้ใช้เวลาเพียง 2-3 ชั่งโมง ในอุณหภูมิเพียง 800 องศาเซลเซียสเท่านั้น จึงทำให้ขาดคุณสมบัติเรื่องความคงทนแบบพลอยธรรมชาติไป
เกร็ดความรู้ : การเผาพลอยใหม่เป็นวิธีการที่ใส่วัตถุแปลกปลอมเข้าไปยังเนื้อพลอยในปริมาณมาก ทำให้เป็นวิธีที่ไม่ได้รับการยินยอมจากห้องปฏิบัติการตรวจสอบอัญมณีที่มีมาตรฐาน


4. การเผาพลอย Be

เป็นการเผาพลอยที่ได้รับการยอมรับอีกวิธีหนึ่ง ซึ่งเป็นการเผาเพื่อปรับปรุงคุณภาพสีและความใสของพลอย โดยอาศัยธาตุ Be ที่ได้มาจากพลอยไพฑูรย์ที่เป็นพลอยเนื้ออ่อนชนิดหนึ่ง เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาในการเผาพลอย ซึ่งถือเป็นการเอาพลอยธรรมชาติมาใช้เป็นวัตถุดิบในการเผา จึงเป็นการปรับปรุงคุณภาพพลอยที่ได้รับการยอมรับ โดยการเผาพลอย Be จะได้ผลดีในกลุ่มพลอยเนื้อแข็งที่เกิดจากหินภูเขาไฟ

เกร็ดความรู้ : การเผาพลอย Be เป็นการเผาพลอยที่ให้ทั้งความสวยงามและความเสถียร ที่ยังคงคุณสมบัติความทนทานและความแข็งแรงแบบพลอยธรรมชาติอยู่

5. การเผาพลอยซ่านสี

หรือที่คนในวงการจิวเวลรี่เรียกว่า การดิฟฟิวชัน ซึ่งเป็นการเผาพลอยเพื่อปรับปรุงคุณภาพสีของพลอยเม็ดนั้น ๆ โดยมักจะเอามาใช้กับพลอยที่มีสีอ่อนหรือพลอยที่ไม่มีสี เพื่อให้เกิดสีสันตามที่ต้องการ แต่การซ่านสีจะเป็นการแทรกสีเข้าไปในเนื้อพลอยได้ในระดับตื้น ๆ เท่านั้น คล้าย ๆ กับการเคลือบสีพลอย โดยจะใช้ความร้อนเป็นตัวช่วยในการผลักสีเข้าไป แต่ด้วยสีที่เข้าไปได้ไม่ลึก หากนำพลอยนั้นไปขัดหรือใช้งานไปนาน ๆ ก็อาจจะทำให้สีหลุดหรือจางได้นั่นเอง

เกร็ดความรู้: หากต้องการเช็กดูว่าพลอยเม็ดนั้น ๆ ผ่านการเผาซ่านสีมาหรือไม่ ให้นำพลอยไปจุ่มในน้ำเปล่าหรือเบบี้ออยล์ ถ้าพลอยเม็ดนั้นผ่านการซ่านสีมาจะเห็นเป็นชั้นสีแบบบาง ๆ เคลือบเกาะอยู่ที่ผิวด้านนอกของพลอย


เมื่อทุกคนรู้แล้วว่าการเผาพลอยแต่ละแบบแตกต่างกันยังไงบ้าง เราก็จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับการปรับปรุงคุณภาพอัญมณีแบบอื่น ๆ ว่าแต่จะมีอะไรบ้างนั้น ก็ตามมาดูกันเลย!

การปรับปรุงคุณภาพอัญมณีแบบอื่น ๆ มีอะไรบ้าง?



1. การฉายรังสี เป็นการปรับปรุงคุณภาพอัญมณีที่ช่วยให้สีของพลอยมีความเข้มมากขึ้น ซึ่งนิยมเอามาใช้กับพลอยแซฟไฟร์สีส้มหรือสีเหลืองอ่อน แต่สีที่ได้จะไม่คงทนถาวร
2. การย้อมสี เป็นวิธีที่ช่างชอบเอามาใช้กับพลอยทับทิม, ลาพิสลาซูลี, หยก และควอตซ์ ซึ่งนอกจากจะทำให้มีสีที่ชัดขึ้นแล้ว ยังสามารถซึมเข้ารอยแตกได้อีกด้วย
3. การแช่น้ำมัน เป็นการทำให้พลอยที่มีรอยร้าวหรือตำหนิจำนวนมากดูเรียบเนียนขึ้น ซึ่งนิยมเอามาใช้กับเครื่องประดับที่ทำมาจากมรกต
4. การอุด เป็นอีกวิธีที่สามารถช่วยเรื่องรอยแตกรอยร้าวบนพลอยได้ ด้วยการใช้ซิก้าเจลอุดตามรอยต่าง ๆ ที่มีแล้วนำไปเผาต่อ แต่บริเวณที่อุดจะเห็นเป็นฟองอากาศได้
5. การเคลือบขี้ผึ้งหรือพลาสติก เป็นวิธีที่นิยมใช้กับหยก, เทอร์ควอยซ์ และลาพิสลาซูลี เพื่อทำให้ผิวด้านนอกที่ไม่ค่อยเรียบดูเนียนสวยมากขึ้น
6. การฉาบสี เป็นการช่วยให้พลอยดูใสและเป็นประกายมากขึ้น ด้วยการเอาโลหะสีไปฉาบบริเวณด้านหลังของเม็ดพลอย

เพิ่มความพิเศษให้ตัวคุณเอง ด้วยสิทธิประโยชน์สำหรับสมาชิก NGG Jewellery

โปรโมชันสุดพิเศษเมื่อช้อปเครื่องประดับครบทุก 50,000 บาท** รับไปเลยทันที 1 Gold Coin (1 Gold Coin = Gold Bar 0.1 กรัม) สำหรับแลกเป็นส่วนลดเครื่องประดับในครั้งถัดไป เพียงสมัครสมาชิกกับ NGG Jewellery พร้อมเตรียมรับมือกับความพิเศษเหล่านี้

  • รับบริการตรวจสอบและทำความสะอาดเครื่องประดับของ NGG Jewellery ไปเลยฟรี ๆ
  • รับสิทธิพิเศษจาก NGG Design Hub Service และสิทธิการได้รับ Experience Gift
  • รับของขวัญสุดพิเศษจาก NGG Jewellery ในช่วงวันสำคัญต่าง ๆ ของทุก ๆ ปี
สิทธิประโยชน์สุด Exclusive พิเศษเฉพาะสมาชิกของ NGG Jewellery เท่านั้น! กดสมัครสมาชิกและรอรับความพิเศษ ได้เลย!

ทั้งหมดนี้ก็คือวิธีการเลือกแหวนและการใส่แหวนตามวันเกิด ที่จะช่วยเสริมดวงชะตาและเพิ่มความปังให้กับชีวิต ตามแบบฉบับคนสวยสายมู และหากใครต้องการเป็นเจ้าของเครื่องประดับจิวเวลรี่ที่การันตีคุณภาพทุกชิ้น สามารถมาช้อปกับเรา NGG Jewellery อาณาจักรเครื่องประดับแท้ที่รวบรวม ทั้งอัญมณี จิวเวลรี่ ทองคำ และนาฬิกา ไว้ในที่เดียว สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันNGG Jewellery เพื่อเลือกช้อปสินค้าและเพลิดเพลินไปกับความงดงามสุดล้ำค่า ได้แล้ววันนี้!

*ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงสามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์
**เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด